วิธีเลือกซื้อประกันสุขภาพผู้สูงอายุ

การเจ็บป่วยหลังจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว แล้วยังมีค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลอีกด้วยจะดีกว่ามั้ยถ้าหากวันหนึ่งเราได้ทำประกันแล้วประกันสามารถคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง และปัจจุบันก็มีบริษัทประกันหลายบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์หลายตัวให้ได้เลือกซื้อกัน แต่วันนี้เราจะมาแนะนำประกันสุขภาพผู้สูงอายุ,บทความก่อนหน้าแนะนำ 5 ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้และเลือกซื้อกันได้ ว่าประกันของบริษัทไหนเหมาะสมสำหรับงบประมาณและความพึ่งพอใจส่วนตัว

ปัจจัยเสี่ยงเรื่องประกันสุขภาพ

แน่นอนว่าหลายๆท่านมีปัจัยการเลือกซื้อประกันสุขภาพไม่เหมือนกันหลายๆคนอาจมองถึงเรื่องการเงินและค่าใช้จ่ายของเบี้ยประกันเพียงอย่างเดียวจึงทำให้ไม่กล้าตัดสินใจซื้อสักที จนวันหนึ่งเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็อาจทำให้การเงินที่ได้เก็บสะสมมาหลายปีอาจหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก ฉนั้นแล้วหากจะเลือกซื้อประกันสักเล่มก็ควรเลือกซื้อประกันที่มีความคุัมครองตั้งแต่การเจ็บป่วยเล็กน้อยไปจนถึงขั้นทุพพลภาพแต่ในปัจจุบันก็มีหลายบริษัทก็ได้ออกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับความต้องการของแต่ละคนไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสุขภาพ และความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันรวมถึงความต้องการของแต่ละคน

เข้าใจเรื่องเบี้ยประกันสุขภาพ

เบี้ยประกันสุขภาพคืออะไร คือการจ่ายเงินของผู้เอาประกัน (ตัวเรา) จ่ายเงินให้กับบริษัทประกันตามวงเงินความคุ้มครองที่เลือกไว้ โดยเบี้ยประกันอาจจะปรับเพิ่มตามอายุเพราะอายุยิ่งมากขึ้นความเสี่ยงและปัญหาด้านสุขภาพก็ยิ่งสูงขึ้น หากเป็นผู้สูงอายุก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่อายุยังน้อย โดยส่วนใหญ่หากจะทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุ จะสามารถเริ่มต้นการทำประกันได้ตั้งแต่อายุ 50 – 70 ปีและต่อความคุ้มครองจนถึง 90 ปี

เลือกจ่ายเบี้ยประกันที่จ่ายไหว

เมื่อได้ทำการซื้อประกันสุขภาพไปแล้ว เราจะต้องจ่ายเงินตามสัญญาของประกันสุขภาพนั้นๆที่ระบุไว้ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่เบี้ยงคงที่ซึ่งหมายถึงการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพในราคาเดิมทุกที (บางรายสามารถจ่ายรายเดือนได้) และเบี้ยตามอายุที่เพิ่มขึ้นซึ่งเราจะต้องจ่ายตามจำนวนอายุที่เพิ่มขึ้น ควรเลือกซื้อประกันสุขภาพที่เราสามารถจ่ายไหวและไม่เป็นภาระ และควรเลือกซื้อย่างสบายใจและไม่เดือดร้อนด้านการเงิน

การเลือกความคุ้มครอง

หากเรารู้ทุกเรื่องในอนาคตเราคงคาดเดาได้ว่าเราควรเลือกซื้อประกันแบบไหนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากเราจึงควรเตรียมความพร้อมกับทุกเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นถึงแม้ว่าเราอาจเลือกซื้อประกันสุขภาพสุขภาพผู้สูงอายุแต่หากประกันสุขภาพผู้สูงอายุนั้นไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด เราอาจจะได้จ่ายในส่วนนั้นแทน ยกตัวอย่างเช่น เรามีค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่ 500,000 บาท แต่ประกันที่เราทำนั้นให้ความคุ้มครองเพียง 400,000 บาท ซึ่งนั้นหมายความว่าเราอาจจะได้จ่ายส่วนที่เหลือเอง และเหตุผลนี้อาจจะให้แผนการเงินที่เราทำไว้อาจจะสะดุดได้ หากจะแนะนำก็ควรซื้อประกันที่มีวงเงินความคุ้มครองที่สูงไว้ก่อน

เข้าใจปัญหาเรื่องสุขภาพของผู้สูงอายุ

หากมั่นใจว่ามีปัญหาด้านสุขภาพไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัว หรือ คนในครอบครัวเป็นโรคที่สามารถติดต่อทางพันธุกรรมก็ควรทำประกันที่ครอบคลุมในส่วนนี้ด้วย เพราะบริษัทประกันบางรายก็ให้ความครอบคลุมที่ไม่เหมือนกันทั้งหมด หากรู้ว่าตัวเราเองหรือญาติผู้สูงอายุอาจมีความเสี่ยงก็ควรซื้อประกันของความเสี่ยงนี้ไว้ด้วย เพื่อที่ว่าจะได้คุ้มครองครบทุกส่วน

การเลือกความคุ้มครอง

แน่นอนว่าการเจ็บป่วยทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ตามมาไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายของค่ารักษาพยาบาลเองหรือ ค่าผ่าตัด ค่านอนโรงพยาล หากผู้ป่วยไม่ได้เป็นอะไรมาก เป็นเพียงผู้ป่วยนอกที่รักษาในคลีนิค แต่หากต้องการรับการรักษาถึงขั้นต้องมีการพักฟื้นในโรงพยาบาลหรือ ผู้ป่วยใน ดังนั้นก็ควรทำประกันที่ครอบคลุมทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน ไว้ด้วยซึ่งปัจจุบันก็สามารถเลือกได้ทั้งสองหรือจะเลือกรับความคุ้มครองแบบเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลก็ได้เช่นกัน

เลือกประกันที่มีคู่สัญญากับโรงบาลใกล้ตัว

ส่วนใหญ่แล้วการเลือกการรักษากับโรงพยาล ประกันจะกำหนดโรงพยาบในเครือมาให้ ซึ่งเราก็ต้องศึกษากับประกันนั้นๆว่ามีโรงพยาบาลในพื้นที่บริเวณบ้านของเราหรือไม่เพื่อที่ว่าเราจะสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันท่วงที่

×